ทำไมจึงต้องเปลี่ยนไส้กรองอากาศ?

ไส้กรองอากาศเป็นเหมือนหัวใจสำคัญของเครื่องยนต์ที่ทำหน้าที่ดักกรองฝุ่นละอองไม่ให้เข้าไปในเครื่องยนต์และยังกรองอากาศดีให้ผ่านเข้าไปผสมกับน้ำมันเพื่อทำให้กระบวนการสันดาปเป็นไปได้อย่างสมบูรณ์ เครื่องยนต์เร่งง่าย ควันไม่ดำ แต่เมื่อใช้ไปนานๆตัวกรองอากาศดังกล่าวจะมีฝุ่นสะสมและเริ่มอุดตันทำให้อากาศไหลเข้าสู่เครื่องยนต์ได้ไม่สะดวก เครื่องยนต์เร่งไม่ขึ้น รอบช้าลงและมีควันดำเพิ่มขึ้น ดังนั้นการดูแลรักษาและตรวจเช็คสภาพตัวกรองอากาศจึงมีความจำเป็นและสำคัญมาก

กรองอากาศทั่วไปใช้วัสดุที่ทำมาจากกระดาษและไฟเบอร์ทำให้ไส้กรองอุดตันได้ง่ายและเมื่อใช้ไปสักพักถ้าไม่ดูแลรักษาตัวกรองอากาศอาจเกิดการขาดยุ่ยและหลุดเข้าไปในเครื่องยนต์ทำให้ระบบเครื่องยนต์เกิดการสึกหรอ โดยปกติแล้วเราควรจะทำความสะอาดไส้กรองโดยการถอดออกมาแล้วเป่าทำความสะอาดทุกๆ 3,000 – 5,000 กิโลเมตร หรือถ้ารถที่วิ่งในสภาพถนนที่มีฝุ่นละอองเยอะ เช่น วิ่งในเมืองเป็นประจำหรือวิ่งบนทางลูกรังก็ต้องทำความสะอาดกรองอากาศบ่อยขึ้นประมาณ 2,000 – 3,000 กิโลเมตร เมื่อกรองอากาศผ่านการใช้งานไปสักพักก็จะเกิดการจับตัวของฝุ่นละอองขนาดเล็กทำให้ไม่สามารถเป่าทำความสะอาดให้หมดจดได้เหมือนเช่นเคยและถ้าปล่อยทิ้งไว้ฝุ่นละอองก็จะดันทะลุผ่านเข้าไปอีกด้านของตัวกรองและเข้าสู่เครื่องยนต์ต่อไป เมื่อใกล้จะครบ 10,000 กิโลเมตร กรองอากาศกระดาษจะปริมาณฝุ่นจับหนาแน่นทำให้อากาศผ่านเข้าไปได้น้อยลงมีผลทำให้เครื่องยนต์เผาไหม้ไม่สมบูรณ์ ซึ่งเราอาจสังเกตได้จากเครื่องยนต์ที่รอบขึ้นช้า เร่งเครื่องไม่ขึ้น ควันดำมากขึ้นกว่าเดิมและเปลืองน้ำมัน ทำให้เจ้าของรถยนต์ตระหนักได้ว่าถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนกรองอากาศกันอีกครั้ง

กรองอากาศแฟบริคซ์ถูกออกแบบมาให้สามารถกรองฝุ่นละอองที่มีความละเอียดได้สูง นอกจากนี้ยังสามารถลดการจำกัดปริมาณอากาศที่ไหลผ่านเข้าสู่เครื่องยนต์ทำให้มีอัตราการเร่งที่สูงขึ้น มีการตอบสนองของเครื่องยนต์ไวขึ้น ซึ่งแตกต่างจากการใช้กรองแบบกระดาษทั่วไปที่จำกัดการไหลผ่านของปริมาณอากาศทำให้เครื่องยนต์ใช้พลังงานมากขึ้นเนื่องจากต้องดูดอากาศเข้ามาเพิ่มการจุดระเบิดเพื่อเร่งอัตราการขับเคลื่อนที่สูงขึ้น

นอกจากนี้ไส้กรองอากาศแฟบริคซ์ยังดูแลรักษาได้ง่ายโดยสามารถถอดออกมาแล้วล้างด้วยแชมพูตากแห้ง แล้วเคลือบน้ำมัน ก็สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้เลย นอกจากนี้ยังมีอายุการใช้งานยาวนานโดยไม่ต้องเปลี่ยนทิ้งบ่อยๆทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายมากขึ้น นอกจากนี้การใช้กรองอากาศแบบผ้าเป็นการช่วยลดขยะและถือได้ว่าเป็นกรองอากาศที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย